
เรื่อง : กาญจนา
คนมักมองความตึงเครียดเป็นผู้ร้ายทำลายสุขภาพ แต่นักจิตวิทยา แคธลีน กันเธิร์ต อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยอเมริกัน กล่าวว่า ความเครียดมี 2 ประเภท คือ ความเครียดที่ทำให้ซึมเศร้า (Distress) เช่น ความรู้สึกหลังอกหัก ซึ่งเป็นความเครียดที่ส่งผลร้าย และความเครียดที่เกิดจากความสุข (Eustress) เช่น ความเครียดเวลาเริ่มงานใหม่ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เอาชนะอุปสรรคได้ และนี่คือข้อดีของความตึงเครียดซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้
ความเครียดกลายเป็นแรงผลักดัน
“ความเครียดระดับกลางจะช่วยเพิ่มแรงผลักดันให้เรา” แคธลีนกล่าว เขายกตัวอย่าง ความเครียดเนื่องจากเดดไลน์จะทำให้คุณโฟกัสและมีความตั้งใจทำงานมากขึ้น “บางคนอาจยังไม่รู้สึกอยากทำงานจนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงวันที่จะส่ง ความเครียดว่าจะทำไม่ทันจะส่งผลให้คุณตั้งใจและทำงานนั้นให้สำเร็จ”
ความเครียดช่วยแก้ไขปัญหา
ความตึงเครียดจะกระตุ้นให้คนรู้จักแก้ปัญหาและเพิ่มความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ ซึ่งความเครียดที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความกลัวจะทำให้คุณรู้จักนำประสบการณ์ที่ผ่านมามาใช้ในการแก้ไขปัญหา หรือหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
ความเครียดสร้างความสัมพันธ์
ข้อดีข้อหนึ่งของความตึงเครียดคือ มันช่วยสร้างสัมพันธ์ระหว่างบุคคล “การมีปฏิสัมพันธ์ในสังคมคือปัจจัยบวกอย่างหนึ่งที่จะส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจ” แคธลีนกล่าวต่อ “เมื่อคนรู้สึกเป็นที่รักและรู้สึกว่ามีคนอื่นเข้าใจจะทำให้คนนั้นรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวน้อยลง”
ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นได้โดยการรวมตัวกันของคนที่ประสบปัญหาคล้ายกัน มาพูดกัน และมีคำแนะนำให้แก่กัน รวมถึงคนที่มีความเครียดมักเดินเข้าไปปรึกษาเพื่อนสนิทหรือครอบครัว ซึ่งจะช่วยผูกมัดให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น
ความเครียดทำให้ชีวิตมีความหมาย
ชีวิตที่ปราศจากความเครียดคือ ชีวิตที่จะไม่มีการพัฒนา เนื่องจากคุณจะไม่มีแรงผลักดันให้พัฒนาไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนที่เครียดช่วงสอบ คนทำงานที่เครียดเรื่องเดดไลน์ ผู้บริหารที่เครียดเรื่องผลกำไร ทั้งหมดล้วนนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และสร้างความหมายในชีวิตได้